วันหยุดประจำปี 2552
จึงขอแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน
คำถามที่ผมได้รับบ่อยๆ ช่วงนี้ ก็คงหนีไม่พ้นคำถามนี้นั่นเองครับ
"ทำไมราคายางพาราลงตั้งเยอะ ไม่ลดราคาซักที"
แม้แต่ตัวคุณเองก็คงจะสงสัยใช่ไหมครับ
ก่อนอื่น คงต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ที่ราคายางพาราตกต่ำอย่างมากในขณะนี้เป็นเพราะอะไร
เริ่มจาก ราคายางพาราที่พุ่งขึ้นไปกว่า 120 บาท นั้น เราต้องยอมรับก่อนว่า เป็นเพราะ
รวมถึงปัจจัยอีกหลายๆ อย่างที่เราไม่อาจจะควบคุมได้
ทำให้ราคายางพาราพุ่งสูงเกินกว่าความเป็นจริงอยู่หลายปี
จนกระทั่งมาช่วงไม่กี่เดือนนี้ ที่ฟองสบู่อเมริกาแตก จีนหมดโอลิมปิค
จนทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่าวิกฤตแฮมเบอเกอร์ ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงไปทั่วโลก ทำให้บริษัทเจ๊งกันไปทั่ว และกำลังซื้อจากต่างประเทศลดลงอย่างมาก
แน่นอนครับ วัตถุดิบอย่างยางพารา ต้องโดนผลกระทบไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อไม่มีความต้องการ ของก็ล้นตลาด จนราคาตก
แม้พักหลังจะเกิดภาวะยางพาราขาดตลาดบ้าง เพราะปัญหาทางใต้ และฝนที่ยาวนานผิดปกติจนกรีดยางไม่ได้ แต่เพราะไม่มีคนซื้อ ยังไงราคาก็ขึ้นไม่ได้อยู่ดี
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจผู้ที่ลงทุนทำสวนยางพารารายย่อยมากครับ
...
โดยส่วนตัว ทางโรงงานของเรา ไม่เคยซื้อยางพาราได้ถูกกว่า 90 บาทเลยครับ เพราะ ถึงอยากซื้อยางพาราตอนราคาถูก ก็ซื้อไม่ได้ ถามใคร ก็ส่ายหัวบอกว่าไม่มีของ มีแต่ตัวเลขราคาสวยๆให้ดู แต่หาของมาขายไม่ได้
ราคากลาง FOB แปะไว้ 65 บาท แต่ถ้าจะซื้อจริง ต้องซื้อที่ 75 บาท แบบจ่ายสดด้วย ซึ่งในแง่ธุรกิจ ถ้าไม่จำเป็นคอขาดบาดตาย คงไม่มีใครซื้อวัตถุดิบที่ราคาเกินจริง แถมต้องใช้เงินสดด้วยหรอกครับ เพราะมันเสี่ยงต่อการขาดสภาพคล่องทางการเงินมากเกินไป
ต่อมา สมมุติว่าทางเราได้ยางพาราราคาถูกมาจริง ถ้าอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมแปรรูป คุณก็น่าจะเข้าใจครับ ว่าจริงๆแล้ว ราคาขายไม่ได้ขึ้นกับวัตถุดิบแค่ตัวเดียว คุณต้องไม่ลืมว่ากว่าจะเป็นยางขึ้นมาได้ ต้องใช้ส่วนผสมมากมายหลายอย่าง ทั้งสารเคมี น้ำมัน เขม่าดำ ฯลฯ ยังไม่รวมค่าไฟฟ้า ค่าจ้างแรงงาน ที่จะต้องนำไปคิดรวมด้วย
และยิ่งเป็นสินค้าที่สต๊อกราคาเก่าเอาไว้ การที่จะลดลงเพื่อขายราคาใหม่ ก็จะกลายเป็นการซื้อถูกขายแพง หรือขาดทุนนั่นเองครับ
เลยกลายเป็นว่า ภาวะนี้ ผู้ซื้อขาดสภาพคล่อง ไม่กล้าซื้อของ ผู้ขายก็สต๊อกเก่าเหลือ วัตถุดิบก็หาซื้อไม่ได้ งานก็ป้อนเข้าน้อย กลายเป็นปัญหางูกินหางที่แก้ยากครับ
...
เท่าที่ติดตามราคายางพารามา ช่วงนี้ราคากำลังเริ่มไต่ขึ้นแล้วครับ ไม่อยากให้ตื่นตูมกับภาวะชั่วคราวแบบนี้กันมากนัก ดูตัวอย่างจากเจ๊เกียว ที่วิ่งรถบัสโดยสารก็ได้ครับ พอน้ำมันลง ก็จะบีบบังคับให้เจ๊ลดราคาให้ได้ ซึ่งความเป็นจริง ถึงนำมันจะลง แต่ปัจจัยอื่นไม่ได้ลงด้วย อะไรทำนองนั้นนั่นเองครับ
ณ วันนี้ ราคายางพาราแผ่นรมควันชั้น 3 ราคาส่งกรุงเทพฯ
อยู่ที่ 107.55 บาท ต่อกิโลกรัม (9/6/2551)
(อ้างอิง http://www.rubber.co.th/menu5.php)
เป็นราคาที่สูงมากที่สุดตั้งแต่เคยซื้อยางมาทำเลยครับ
และเนื่องจากราคาที่สูงขนาดนี้ และถ้าให้ผมประเมินสถานการณ์
ต่อไปนี้คงยากที่ราคายางแผ่นดิบชั้น 3 จะลงต่ำกว่ากิโลกรัมละ 100 บาทแล้วครับ
แน่นอนครับ คงจะยังผลให้ราคาค่าหล่อยาง
รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยางธรรมชาติ คงจะต้องปรับตัวขึ้นในไม่ช้า
ตอนนี้ราคาในตลาดยังคงนิ่งอยู่ เพราะต่างฝ่ายก็ต่างสงวนท่าที
รอดูว่าราคาของคู่แข่งแต่ละราย จะขึ้นไปสักเท่าใด
ราคาขายปัจจุบัน คำนวนเอาไว้ตั้งแต่ยางดิบยังอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาทครับ
แต่ยังไม่กล้าขึ้นจนบัดนี้ เพราะกำลังซื้อไม่มี ถ้าขึ้นราคาคงจะแย่กันหมดแน่
แต่อย่างไรก็ต้องขึ้นแน่ๆ ครับ โดยเฉพาะรายย่อยที่ไม่ได้กักตุนยางเป็นร้อยๆตัน
ไม่เกินกลางปีนี้ ถ้าไม่ปรับราคา ก็อยู่กันไม่รอดครับ มีคนเลิกกิจการเพิ่มขึ้นอีกแน่ๆ
ส่วนต่างระหว่างต้นทุนกับกำไร เริ่มน้อยลงไปเรื่อยๆ แล้วครับ
ขอเอาใจช่วยผู้ผลิตทุกท่านนะครับ หัวอกเดียวกันทั้งนั้น
รวมถึงผู้ซื้อด้วยครับ ที่ต้องซื้อของแพงขึ้นเช่นกัน
สวัสดีทุกท่านครับ
วันนี้ หจก.เอส พี หล่อดอกยาง ก็กลับมาเปิดทำการตามปกติแล้วครับ
หลังจากหยุดยาวไปทั้งสัปดาห์
ซึ่งช่วงที่หยุดยาว ก็มีลูกค้าที่ไม่ทราบว่าทางเราหยุด โทรมาหามากพอสมควร
ต้องขออภัยด้วยครับที่ไม่มีคนรับสาย เพราะในออฟฟิศไม่มีคนอยู่จริงๆ
ปีใหม่ไทย ถือเป็นการเปลี่ยนนักษัตร เปลี่ยนฤกษ์ยามของดวงประเทศ
ในโอกาสนี้ก็ขอคุณพระศรีรัตนไตร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพ
รวมถึงผลบุญที่ท่านได้ทำมาโดยตลอด ได้ช่วยดลบันดาลให้ทุกท่านมีความสุข
ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และการค้า ตลอดปีนี้ครับ
.
หมายเลขโทรศัพท์เดิมยังใช้ได้ตามปกติ คือ
0-2394-1339
0-2758-4611
0-2755-6414
0-2384-6357
ยังตรึงราคาเดิมครับ ถึงแม้ราคายางดิบจะวิ่งไปแตะ 98/kg. บ่อยๆ
ขอดูราคายางในปีนี้ไปซักพักครับ
ปีนี้จะหยุดเยอะช่วงสงกรานต์นะครับ เพราะช่วงตรุษจีนไม่คาบเกี่ยวต้นสัปดาห์
