โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์นี้ ฝนตกพรำๆตลอดทั้งวัน
นอกจากจะสร้างปัญหาให้ไม่อยากเดินทางไปไหน
อาจจะไม่สบาย แล้วยังจะสร้างปัญหาอีกอย่างคือ ถนนจะลื่นครับ
ถ้าพูดถึงถนนลื่น ทั่วไปเราก็มักจะนึกว่าเป็นเพราะยางไม่มีดอก
แต่ข้อความนี้จะเป็นจริงเฉพาะเวลาถนน "เปียก" เท่านั้นครับ
ในภาวะที่ถนนและยางแห้ง
ยิ่งยางมีผิวสัมผัสกับถนนมากขึ้นเท่าใด
ก็ยิ่งจะยึดเกาะถนนได้ดีมากขึ้นเท่านั้น
ให้ลองนึกภาพของยางรถแข่ง F-1 หรือยางลบที่เราใช้ลบดินสอก็ได้ครับ
เห็นไหมครับว่า ยิ่งหน้าเรียบ และกดแรงเท่าไหร่ ก็ยิ่งหนึบ ยิ่งยึดเกาะดีเท่านั้น


แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะมีดอกยางไว้เพื่ออะไร?
นั่นก็เพราะเราไม่ได้ใช้ยางเพื่อการแข่งขันทางเรียบไงครับ
ในชีวิตประจำวัน เราต้องเจอทั้งถนนเรียบ ขรุขระ และถนนเปียกอย่างเวลาฝนตก
ซึ่งเวลาฝนตก และยางมีการหมุนอย่างเร็วบนถนน
น้ำจะกลายสภาพเป็นเหมือนฟิล์มบางๆ อยู่ระหว่างล้อกับพื้นถนน
ทำให้ความเสียดทานลดลงอย่างมาก และทำให้รถไถลได้
ทดสอบได้โดยลองเอายางลบถูบนกระจก แล้วหยดน้ำเปรียบเทียบกันดูครับ
ดอกยางจึงเกิดขึ้นเพื่อรีดน้ำออกจากหน้ายางให้เร็วที่สุด
โดยร่องของหน้ายาง จะทำหน้าที่รับน้ำที่โดนเบียดจากส่วนหน้ายาง
และพามันออกไปตามร่องยางตามการหมุน

นี่ก็คือคำตอบว่าทำไมในหน้าฝน
เราจึงควรดูแลเอาใจใส่ยางของเรามากขึ้นอีกนิด
ถ้าเห็นว่าดอกยางมันเหลือน้อยแล้ว ก็ควรจะเปลี่ยนครับ
อย่างน้อยก็คู่หลังหรือหน้าก็ยังดี เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง
และถ้ายิ่งเป็นยางรถบรรทุกแบบผ้าใบ
ถ้าใช้พอประมาณ พอหมดดอกแล้วก็เอามาหล่อดอกใหม่
ไม่ใช้จนดอกเกลี้ยงไปถึงชั้นผ้าใบ ยุ่ยออกมาเป็นชั้นๆ
ก็ช่วยเราประหยัดค่ายางใหม่ไปได้เยอะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น